เมนู

3. อานันทสูตร



ละธรรม 4 ประกอบธรรม 4 เป็นพระโสดาบัน



[1485] สมัยหนึ่ง ท่านพระสารีบุตรและท่านพระอานนท์อยู่ ณ
พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี ครั้งนั้น
เวลาเย็น ท่านพระสารีบุตรออกจากที่เร้นแล้ว เข้าไปหาท่านพระอานนท์ถึง
ที่อยู่ ได้ปราศรัยกับท่านพระอานนท์ ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกัน
ไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ถามท่านพระอานนท์ว่า
ดูก่อนอานนท์ เพราะละธรรมเท่าไร เพราะเหตุประกอบธรรมเท่าไร หมู่สัตว์นี้
พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงพยากรณ์ว่า เป็นพระโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำ
เป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า.
[1486] ท่านพระอานนท์กล่าวตอบว่า ดูก่อนท่านผู้มีอายุ เพราะ
ละธรรม 4 ประการ เพราะเหตุประกอบธรรม 4 ประการ หมู่สัตว์นี้
พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงพยากรณ์ว่า เป็นพระโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำ
เป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า ธรรม 4 ประการเป็นไฉน
ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า
เห็นปานใด เมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก
ความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้าเห็นปานนั้น ย่อมไม่มีแก่ปุถุชนนั้น
ส่วนอริยสาวกผู้ได้สดับ ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระ-
พุทธเจ้าเห็นปานใด เมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ความ
เลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้าเห็นปานนั้น ย่อมมีแก่อริยสาวกนั้นว่า
แม้เพราะเหตุนี้ ๆ พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ฯลฯ เป็นผู้จำแนกธรรม.

[1487] ดูก่อนท่านผู้มีอายุ ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ประกอบด้วย
ความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระธรรมเห็นปานใด เมื่อแตกกายตายไป
ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวใน
พระธรรมเห็นปานนั้น ย่อมไม่มีแก่ปุถุชนนั้น ส่วนอริยสาวกผู้ได้สดับ
ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระธรรมเห็นปานใด เมื่อแตก
กายตายไป ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ความเลื่อมใสอัน ไม่หวั่นไหวใน-
พระธรรมเห็นปานนั้น ย่อมมีแก่อริยสาวกนั้นว่า พระธรรมอันพระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าตรัสดีแล้ว ฯลฯ อันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน.
[1488] ดูก่อนท่านผู้มีอายุ ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ประกอบด้วย
ความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระสงฆ์เห็นปานใด เมื่อแตกกายตายไป
ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวใน
พระสงฆ์เห็นปานนั้น. ย่อมไม่มีแก่ปุถุชนนั้น ส่วนอริยสาวกผู้ได้สดับ
ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระสงฆ์เห็นปานใด เมื่อแตก-
กายตายไป ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวใน
พระสงฆ์เห็นปานนั้น ย่อมมีแก่อริยสาวกนั้นว่า พระสงฆ์สาวกของพระผู้มี-
พระภาคเจ้า เป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว ฯลฯ เป็นนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า.
[1489] ดูก่อนท่านผู้มีอายุ ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ประกอบด้วย
ความทุศีลเห็นปานใด เมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต
นรก ความทุศีลเห็นปานนั้น ย่อมไม่มีแก่ปุถุชนนั้น ส่วนอริยสาวกผู้
ประกอบด้วยศีลที่พระอริยเจ้าใคร่แล้วเห็นปานใด เมื่อแตกกายตายไป ย่อม
เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ศีลที่พระอริยเจ้าใคร่แล้ว เป็นศีลไม่ขาด... เป็นไป
เพื่อสมาธิ เห็นปานนั้น ย่อมมีแก่อริยสาวกนั้น.

[1490] ดูก่อนท่านผู้มีอายุ เพราะละธรรม 4 ประการนี้ เพราะเหตุ
ประกอบธรรม 4 ประการนี้ หมู่สัตว์นี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงพยากรณ์ว่า
เป็นพระโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ใน
เบื้องหน้า.
จบอานันทสูตรที่ 3

อานันทสูตรที่ 3 มีเนื้อความตื้นทั้งนั้น.

4. ปฐมทุคติยสูตร



มีธรรม 5 ประการย่อมพ้นทุคติ



[1491] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ประกอบด้วยธรรม 4
ประการ ย่อมล่วงภัยคือทุคติทั้งหมดได้ ธรรม 4 ประการเป็นไฉน อริยสาวก
ในธรรมวินัยนี้ ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า ...
ในพระธรรมะ... ในพระสงฆ์ ... ประกอบด้วยศีลที่พระอริยเจ้าใคร่แล้ว ไม่
ขาด ฯลฯ เป็นไปเพื่อสมาธิ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ประกอบด้วย
ธรรม 4 ประการเหล่านี้ ย่อมล่วงภัย คือ ทุคติทั้งหมดได้.
จบปฐมทุคติสูตรที่ 4